หากได้มาเยือนเชียงใหม่ “วัด” ไหนบ้างไม่ควรพลาด!!

หากได้มาเยือนเชียงใหม่ “วัด” ไหนบ้างที่สายบุญไม่ควรพลาด!!

เมื่อเราพูดถึงจังหวัดเชียงใหม่แล้ว นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และการชมวิถีชีวิตของผู้คนท้องถิ่นแล้ว มีอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดเลยก็คือ “วัด” นั่นเอง

จังหวัดเชียงใหม่นั้น มีวัดวาอารามมากกว่า 300 แห่ง กระจายอยู่ทั่วทั้ตัวเมือง และตามชนบทโดยรอบ ไม่เพียงเท่านั้น วัดส่วนใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่เป็นสไตล์ “ล้านนา” ซึ่งมีความงดงาม รวมทั้งมีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ยาวนาน สถาปัตยกรรมอันโดดเด่นด้วยหลังคาไม้โค้งที่ชี้ขึ้นไปด้านบน แต่อย่างไรก้ตาม น่าเสียดายที่เวลาเราไปเที่ยวเชียงใหม่ ก็คงจะไม่สามารถเที่ยวได้ครบ ด้วยเหตุนี้ Boutique Stay จึงอยากจะแนะนำวัดสำคัญๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กของการมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่มาฝากทุกคน แต่ว่าจะมีวัดไหนบ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆ กันเลย …

1.วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร

เดิมทีวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1927 (จ.ศ. 746) ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ในราชวงศ์มังราย พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ซึ่งปัจจุบันวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ เป็นหนึ่งในวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อสร้างตามแบบศิลปะล้านนา มีเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น ลานเจดีย์เป็นจุดชมทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูน นับได้ว่าเป็นวัดที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุด และที่มีชื่อเสียงและโด่งดังที่สุดในเชียงใหม่เลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าใครที่มาเชียงใหม่ ก็ต้องมาถ่ายรูปคู่กับเจดีย์ทรงเชียงแสนพรอ้มกับเช็คอินอย่างแน่นอน

2.วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

วัดเจดีย์หลวงวรวิหารนั้นสร้างขึ้นในรัชสมัยพญาแสนเมืองมา พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย ไม่ปรากฏปีที่สร้างแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้น่าจะสร้างในปี พ.ศ. 1928 – 1945 และมีการบูรณะมาหลายสมัย โดยเฉพาะพระเจดีย์ที่ปัจจุบันมีขนาดความกว้างด้านละ 60 เมตร เป็นองค์พระเจดีย์ที่มีความสำคัญอีกองค์หนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่

ปัจจุบันวัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นอีกหนึ่งวัดที่เป็นพระอารามหลวงในจังหวัดเชียงใหม่ สร้างอยู่กลางใจเมืองเชียงใหม่ เดิมทีมีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ ราชกุฏาคาร วัดโชติการาม ซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นศูนย์กลางทางการปกครองของอาณาจักรล้านนา

และสำหรับชื่อวัดเจดีย์หลวงวรวิหารนั้น คำว่า “หลวง” ในภาษาล้านนาโบราณนั้น หมายถึง สิ่งที่มีขนาด “ใหญ่มาก” ซึ่งก็สามารถสื่อถึงวัดเจดีย์หลวงวรวิหารได้อย่างชัดเจน เพราะวัดเจดีย์หลวงวรวิหารนั้นมีเนื้อที่ภายในวัดถึง 32 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวาเลยทีเดียว

หากคุณมีเวลาไม่มากพอจะไปที่จะไปเยี่ยมชมวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารหรือเคยเยือนไปมาแล้วก็ตาม และต้องการไปเที่ยวชมวัดที่ซึ่งเดินทางสะดวก และอยู่ใจกลางเมือง เพราะฉะนั้นแล้ว “วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร” ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด และถ้าหากว่าคุณได้มาเที่ยวชมในช่วงที่มีการเปิดไฟส่องไปยังตัวเจดีย์ล่ะก็ เชื่อว่าคุณจะประทับใจกับความงดงามจนไม่อยากกลับเลยล่ะ

3.วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร

วัดพระสิงห์นั้นสร้างขึ้นในรัชสมัยพญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่ราชวงศ์มังราย ในปี พ.ศ. 1888 โดยขั้นแรกให้ก่อสร้างเจดีย์สูง 23 วา เพื่อบรรจุพระอัฐิของพญาคำฟู พระราชบิดาของตน และต่อมาอีก 2 ปี ได้มีการสร้างพระอาราม เสนาสนวิหาร ศาลาการเปรียญ หอไตร และกุฏิสงฆ์ เมื่อเสร็จเรียบร้อย ณ ขณะนั้น ทรงตั้งชื่อว่า “วัดลีเชียงพระ”

แต่ถัดมาในรัชสมัยพระเจ้าแสนเมืองมาขึ้นครองนครเชียงใหม่ ได้ทรบโปรดให้อัญเชิญพระสิงห์หรือพระพุทธสิหิงค์มาจากเมืองเชียงราย มาประดิษฐานที่วัดนี้ ซึ่งเป็นทีมาของชื่อใหม่ นั่นก็คือ “วัดพระสิงห์” นั่นเอง

ซึ่งปัจจุบันวัดพระสิงห์นั้นได้เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ ซึ่งวัดพระสิงห์ นั้นมีชื่อเต็มว่า “วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร” เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากวัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระสิงห์ (พระพุทธสิหิงค์) ตามที่ได้กล่าว แต่ปัจจุบันถือได้ว่า พระสิงห์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนา และแน่นอนว่า ถ้าสายบุญได้มาเยือนเชียงใหม่ต้องมานมัสการพระพุทธสิหิงค์อย่างแน่นอน

4.วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)

ประมาณปี พ.ศ. 1839 พระยามังรายทรงสร้างอาณาจักรล้านนาร่วมกับพระสหาย คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์ปกครองสุโขทัย และพระเจ้างำเมือง กษัตริย์ปกครองพะเยา มาสร้างเมืองเวียงเหล็ก (บริเวณวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน) และตั้งชื่อเมืองว่า “นพบุรี ศรีนครพิงค์” ต่อมาพระยามังรายสร้างวัดเวฬุกัฏฐาราม (ชื่อเก่าของวัดอุโมงค์) เมื่อสร้างเสร็จจึงอาราธนาพระมหากัสสปะเถระจำพรรษาที่วัดแห่งนี้

ต่อมาเมื่อพระเจ้ามังรายสวรรคต ศาสนาพุทธขาดการทำนุบำรุง เพราะมัวแต่ทำศึกสงครามกันเองในเชื้อพระวงศ์ในการแย่งชิงราชสมบัติ จนถึงสมัยพระเจ้าผายู ศาสนาพุทธได้รับการฟื้นฟูจนถึงสมัยพระเจ้ากือนาธรรมาธิราช (ประมาณ พ.ศ. 1910) ท่านมีความเลื่อมใสในพระมหาเถระจันทร์ พระเจ้ากือนาจึงสั่งให้คนบูรณะวัดเวฬุกัฏฐาราม เพื่ออาราธนาพระมหาเถระจันทร์จำพรรษาทีวัดแห่งนี้ และตั้งชื่อวัดใหม่ว่า “วัดอุโมงค์เถรจันทร์” ตามชื่อของพระมหาเถระจันทร์ อีกทั้งยังมีการซ่อมแซมเจดีย์ โดยการพอกปูน สร้างอุโมงค์ไว้ทางทิศเหนือจากเจดีย์ ในอุโมงค์มีทางเดิน 4 ช่องซึ่งเชื่อมต่อกันได้

ปัจจุบัน วัดอุโมงค์เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 700 ปี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากดอยสุเทพ ภายนอกเป็นสวนและสนามหญ้าสีเขียวที่สวยงาม และแน่นอนว่าภายในจะต้องมีอุโมงค์ ซึ่งอุโมงค์นี้มีลักษณะเป็นกำแพง ภายในเป็นทางเดินหลายช่องทะลุกันได้ และยังมีจิตกรรมฝาผนังเก่าแก่อายุหลายร้อยปี ซึ่งส่วนมากจะเป็นรูปดอกบัว นกยูง นกเป็ดน้ำ นกกระสา ดอกโบตั๋น เป็นต้น นับว่าเป็นอีกหนึ่งวัดที่เก่าแก่และงดงามที่คุณจะพลาดไม่ได้เลยล่ะ หากมีโอกาสได้มาเยือนเชียงใหม่สักครั้ง

จังหวัดเชียงใหม่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย ที่สามารถตอบโจทย์ทั้งผู้ที่ชอบธรรมชาติ วัฒนธรรม สายกิน สายชอป ผู้ที่ชื่นชอบแสงสีในตัวเมืองยามค่ำคืน และแน่นอนว่าต้องถูกใจสายบุญทั้งหลายอย่างแน่นอนและเพื่อให้คุณมีพลังไปเที่ยวได้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งทริป การเลือกสถานที่สำหรับพักผ่อนที่ดีก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น โรงแรมเครือของ Boutique Stay ซึ่งอยู่ในทำเลที่แสนสะดวกสบายต่อการเดินทาง ห้องพักที่สะอาดเรียบร้อย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และบริการทุกระดับประทับใจ สามารถจองห้องพักง่ายๆ ได้แล้ววันนี้ที่ boutiquestay.travel